ก่อนทำการแพ็ค ตรวจสอบรายการสิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าประเทศและภูมิภาคต่างๆ
คุณคงได้เห็นข่าวพาดหัวมากมาย อาทิ “ทำไมวิกฤติชิปปิ้งทั่วโลกจึงไม่ยอมจบสิ้น” หรือ “ชิปปิ้งทั่วโลกส่อเค้าวุ่นหนัก” แต่เราทราบข้อมูลอะไรบ้าง และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าของเราอย่างไรบ้าง
ใครๆ ต่างก็พูดถึงการจัดส่งเพื่อการค้าหรือเชิงพาณิชย์เท่านั้น
บทความเหล่านั้นมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบเดียวของอุตสาหกรรมจัดส่งโลจิสติกส์ นั่นก็คือผลกระทบในด้านการค้าหรือเชิงพาณิชย์ แต่แทบไม่มีการกล่าวถึงผลกระทบที่มีต่อชิปเมนต์สิ่งของส่วนตัวหรือสำหรับบุคคลธรรมดา อย่างเช่นลูกค้าของเราที่ต้องการย้ายของกลับบ้าน เริ่มการผจญภัยครั้งใหม่ หรือไปเรียนต่อต่างประเทศ นั่นเป็นเพราะพวกเรามักถูกมองว่าเป็นแมลงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น (ถึงแม้ว่าบริษัทของเราจะไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ตาม)
แต่ผลกระทบที่ได้รับนั้นก็ไม่แตกต่างกันเลย ในฐานะบริษัท Seven Seas Worldwide พบว่าค่าตู้คอนเทนเนอร์นั้นทะยานสูงขึ้นจนน่าตกใจ ตู้คอนเทนเนอร์ (และชิปเมนต์ของลูกค้า) ถูกจัดส่งล่าช้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากถูกถอดออกจากเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเลือกจัดส่งชิปเมนต์การค้าและเชิงพาณิชย์ก่อน เพราะสามารถเรียกราคาได้สูงกว่า
หลังจากทำธุรกิจนี้มานานถึง 25 ปี นับว่าเราโชคดีที่ยังได้รับความนับถือและสามารถต่อรองกับพันธมิตรการจัดส่งได้อยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่บริษัทลอจิสติกส์ทุกแห่งต่างก็พยายามแย่งชิงตู้คอนเทนเนอร์บนเรือขนส่ง นี่ถือว่าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของปัญหาเท่านั้น เพราะเมื่อนำของขึ้นไปบนเรือได้แล้ว ของก็มักจะถูกกักไว้ที่ท่าเรือก่อนจะสามารถออกเดินทางก็ทำให้ยิ่งล่าช้า และยังถูกกักซ้ำระหว่างทรานสิทตามกำหนดการที่วางไว้ (หรือบางครั้งก็นอกเหนือกำหนดการวางไว้) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ทั้งเราและลูกค้าเป็นกังวลอย่างยิ่ง
เราจะเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือและหลีกเลี่ยงพื้นที่ซึ่งมีการจราจรหนาแน่นได้หรือไม่
Seven Seas Worldwide เป็นบริษัทแรกที่ใช้การติดตามตำแหน่งทางทะเลกับชิปเมนต์สิ่งของส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งเสมอมา แต่การเปลี่ยนเส้นทางและความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งทำให้เวลาถึงที่หมายโดยประมาณ (ETA) ที่เราแจ้งกับลูกค้านั้นยิ่งล่าช้าไปกว่าเดิม ในขณะนี้เราจึงอยู่ระหว่างการยืดระยะเวลาการทรานสิทเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และเรายังได้มีการเปลี่ยนเส้นทางชิปเมนต์ของลูกค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภูมิภาคแปซิฟิกซึ่งมีความหนาแน่นในการขนส่งมากเป็นพิเศษและมีแนวโน้มจะทำให้ล่าช้ามากขึ้นตามไปด้วย เช่น เปลี่ยนเป็นส่งข้ามแอตแลนติกแทน หรือแม้แต่อ้อมลงไปทางออสเตรเลียก่อนจะขึ้นมายังยุโรป ลูกค้าอาจจะประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นี่ถือเป็นมาตรการรับมือกับความท้าทายที่ประสบ เพื่อลดความล่าช้าให้น้อยที่สุด
ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกนั้นมีความหนาแน่นในทางขนส่งมากที่สุด ในฐานะลูกค้า พวกเราหลายคนคงได้รับแจ้งว่า “เราไม่สามารถจัดหาอะไหล่ได้ในขณะนี้ครับ เพราะกำลังสต็อกสินค้ามาเติมอยู่” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และท่าเรือที่คับคั่งจนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าไปทั่วโลก
นอกจากนี้ท่าเรือและศุลกากรในแต่ละประเทศก็ยังมีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ หลังจากที่โควิด-19 แพร่ระบาด (ส่วนในสหราชอาณาจักร/ยุโรป นั้นก็เนื่องมาจาก BREXIT) ทำให้มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เราตระหนักดีว่าท่าเรือในบางภูมิภาคอาจเกิดปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอเนื่องจากโควิด-19 ในขณะที่แต่ละประเทศพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างที่กล่าวไปแล้วในบทความนี้ ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ยิ่งล่าช้าเพิ่มขึ้นไปอีก
แล้วเมื่อไหร่ความยุ่งยากจะสิ้นสุดลงเสียที
เราก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าความวุ่นวายนี้จะบรรเทาลงเมื่อใด เราได้แต่หวังว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นภายในปลายปีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทุกคนก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม บรรดาเรือและตู้คอนเทนเนอร์ก็จะต้องสามารถเคลื่อนที่ได้ก่อน เราจึงจะกลับไปจัดส่งได้เช่นเดิมตามที่เคยเป็นมา